การศัลยกรรมตกแต่งจมูก โดยเฉพาะการ ตัดปีกจมูก (ตัดปีกจมูกที่ไหนดี) เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ต้องการให้จมูกดูเล็กลง กระชับรับกับใบหน้า แต่หลายคนกลับเผชิญปัญหา รอยแผลเป็น หรือ แผลรั้ง หลังผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจได้ มารู้จักวิธีการดูแลและรักษาแผลเหล่านี้อย่างได้ผล พร้อมเคล็ดลับให้ผิวกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
สาเหตุหลักของการเกิดรอยแผลหรือแผลรั้ง ได้แก่:
- เทคนิคการเย็บของแพทย์ที่อาจทำให้แผลตึงหรือเย็บลึกเกินไป การเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะสามารถวางแผนและประเมินโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคลได้อย่างเหมาะสมก่อนการผ่าตัด
- การดูแลแผลหลังผ่าตัดไม่ถูกวิธี เช่น เกา แกะ หรือติดเชื้อ
- พันธุกรรมและสภาพผิวของแต่ละคน เช่น ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดแผลคีลอยด์
วิธีแก้รอยแผลตัดปีกจมูก และแผลรั้งให้ผิวกลับมาเนียน
1. ทายาลดรอยแผลเป็น
เลือกใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของ ซิลิโคนเจล โดยควรเริ่มใช้ทันทีหลังแผลแห้งสนิท เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
2. เลเซอร์ลบรอยแผล
เทคโนโลยีเช่น Fractional CO2 Laser หรือ PICO Laser สามารถช่วยลดความนูนและสีของแผลให้จางลง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
3. ฉีดสเตียรอยด์ลดแผลคีลอยด์
หากแผลรั้งนูนแข็งหรือมีลักษณะคีลอยด์ แพทย์อาจแนะนำให้ ฉีด Kenacort (Triamcinolone) เพื่อลดการอักเสบและให้แผลเรียบลงในระยะยาว
4.เติมฟิลเลอร์ HA
ในกรณีที่มีแผลบุ๋มลึก การเติมสารฟิลเลอร์จะช่วยรอยลึก และช่วยในการรั้งของแผลไปด้วยกัน
5 . แก้ไขด้วยการผ่าตัดซ่อมแผล (Scar Revision Surgery)
หากแผลรั้งรุนแรงจนบิดเบี้ยวรูปจมูก หรือส่งผลต่อความมั่นใจ อาจจำเป็นต้องผ่าตัดใหม่เพื่อปรับแนวแผลและเย็บใหม่อย่างประณีต ซึ่งควรทำหลังจากแผลเดิมหายสนิทแล้ว 6-12 เดือน
วิธีดูแลแผลหลังผ่าตัดปีกจมูก เพื่อป้องกันรอยรั้ง
- หลีกเลี่ยงการขยับกล้ามเนื้อหน้าแรงๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
- อย่าแกะหรือเกาบริเวณแผล
- ปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอหากมีอาการผิดปกติ เช่น แดง บวม หรือเจ็บ
สรุป: อย่าปล่อยให้แผลรั้งหลังตัดปีกจมูกทำลายความมั่นใจ
แม้ว่าแผลรั้งหรือแผลเป็นหลังการผ่าตัดปีกจมูก จะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แต่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีทางการแพทย์และการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม หากพบมีปัญหาที่กังวลใจ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาวิธีแก้ไขที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุุคคลมากที่สุด