ในเมื่อสถานการณ์ โควิด-19 ทำให้เราออกจากบ้านไม่ได้เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง  วันนี้เลยมีเวลามารีวิว ให้พี่ ป้า น้า อา และแม่ๆ ทั้งหลายได้อ่านได้ดูกัน   บอกก่อนเลยนะคะ ว่าคนที่จะมารีวิวเป็นญาติ เราเอง เริ่มเลยแล้วกัน
คุณน้าของเรา ตอนนี้อายุก็ 45 ปีแล้ว  ในสมัยสาวๆๆ  ( เกือบๆ 15 ปี )  คุณน้าได้ไปฉีดซิลิโคนเหลว ที่ใบหน้ามา ในช่วงแรกๆ ก็สวย หลังๆ มันเริ่มคล้อย แก้ก้ไม่รู้ว่าสิ่งที่คล้อยนั้น มันเริ่มจากอายุที่มากขึ้น หรือเป็นเพราะซิลิโคนเหลว  จึงทำให้เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว ตัดสินใจไปดึงหน้า เพราะคิดว่าน่าจะเกิดจากอายุที่มากขึ้น  แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะใบหน้าที่ดึงมานั้น ตึงแค่ช่วงแรกๆๆ แล้วใบหน้าก็กลับมาหย่อนคล้อยอีก สิ่งที่น่าเศร้าไปกว่านั้น คือรอยแผลที่ทิ้งไว้ ทำให้คุรน้า ไม่กว่าที่จะมัดผม เพราะเห็นแผลชัดมาก ใบหูติ่งหาย เลยทำให้คุณน้า อยากจะแก้แผลดึงหน้าใหม่  และรอบบนี้ต้องการที่จะเลาะซิลิโคนออกด้วย จึงให้เราเป็นคนหาข้อมูลให้  เนื่องจากครั้งที่แล้วคุณน้าเป็นคนหาข้อมูลเอง (รอบนี้เลยต้องการให้หลานคนสวยช่วย แอบกังวลจะเหมือนเดิม)
เราจึงได้ หาข้อมูล จากรีวิว จากคำบอกว่า รวมไปถึงจากการที่เราโทรสอบถาม และได้พาคุณน้าไปปรึกษา  ประมาณ 5-6 ที่  แต่มีเพียง 2 ที่เท่านั้น ที่รับทำให้  เพราะที่อื่นแจ้งว่าไม่รับเคสที่ฉีดซิลิโคนเหลวมา แนะนำให้ไปพบหมอศัลยกรรมเฉพาะทาง ที่มีความชำนาญมากกว่า  แต่ก็ต้องขอบคุณในความชัดเจนที่บอกกันตรงๆ ว่าได้ หรือไม่ได้  แต่ทุกครั้งที่บอก เราเสียค่าปรึกษาไปแล้ว ขั้นต่ำ 1,000 บาทค่ะ   เมื่อเหลือ 2 ที่ คือ แถวย่านบางมด กับย่านดอนเมือง  คุณน้ากับเราลงมติว่า เลือกที่จะ แก้ดึงหน้า พร้อมเลาะซิลิโคนเหลว ที่นี้ เพราะจากที่ได้พูดคุย ตอนปรึกษา หมอได้ตอบคำถาม ที่อธิบายรายละเอียด และตรงตามความต้องการของเรามากที่สุด  มาดูรูปรอยแผล กับใบหน้าที่ฉีดซิลิโคนเหลว กันก่อนค่ะ ว่าเป้นอย่างไร

แผลดึงหน้า ที่ทำให้มัดผมไม่ได้

หลังดึงหน้า 2 ปี ใบหน้ากลับมาหย่อนคล้อย  ซิลิโคนเหลวก็เริ่มไหลคล้อยลงมาอีก

ทำให้ไม่มั่นใจเลย
มาถึงวันผ่าตัดกันเลยค่ะ   ก่อนผ่าตัด เราจะต้องไปตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด X-Ray ว่าร่างกายของเราพร้อมผ่าตัดหรือเปล่า  และคุณหมอจะเข้ามาพูดคุย ทำความเข้าใจกับเราอีก เพื่อให้เข้าใจตรงกัน  ขอข้ามมาหลังผ่าตัดเลยละกัน
หลังผ่าตัดผ่านไปด้วยดี   หมอตัดผิวหนังด้านนอก 2 ข้างไม่เท่ากัน  ได้ 3.3 ซม.  ตัดชั้น smas  ออกไป 1 ซม. ( ตามใบรายงาน ที่ทางคลินิกให้มา)
มาดู ซิลิโคนเหลวที่เลาะออกกัน

หลังทำ นอน รพ. 1 คืน  คุณน้าจะมีสายระบาย  อยู่ 2 เส้น ซึ่ง ก่อนกลับบ้าน คุรหมอจะมาเอาสายระบายเลือดออก

หลังผ่าตัด 1 วัน สามารถ อาบน้ำ สระผมได้  หลังอาบน้ำซับน้ำให้แห้ง เช็ดทำความสะอาดแผลแล้วทายา
 

มาดู 7 วันหลังผ่าตัดที่ ต้องมาตัดไหมกัน  ( ตัดไหมรอบแรก)

แผลจะดูต่างกับ การดึงหน้ารอบแรกมาก  รอบนี้แผลโค้งตามรอยของหู มีรอยเขียวช้ำเป็นปกติ เพราะเนื่องจากมีการเลาะซิลิโคนเหลวออก  วึ่งหมอได้แจ้งตั้งแต่แรก เมื่อปรึกษาแล้ว

หลังตัดไหมรอบแรก คุณหมอให้ทายาแก้แผลเป็น ReDelli scar บริเวณแผลหน้าหูได้เลย  แต่บริเวณ ยังไม่แนะนำให้ทา รอตัดไหมก่อน หน้าตาเป็นแบบนี้

ล่าสุด  ตอนนี้ครบ 15 วันแล้ว ตัดไหมออกหมอแล้ว  แผลดูดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับรอบแรก คุณหมอเย็บซ้อนแผล สวยมาก
บวกกับทายาแก้แผลเป็น ทำให้แผลจางลงไวขึ้น

เดี๋ยวอย่างไงจะมาอัพเดท รูปคุณน้าให้ทุกอาทิตย์นะคะ  สำหรับคนที่เจอปัญหาเดี๋ยวกับคุรหน้า หลังไมค์มาขอข้อมูลกับเราได้ ยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลค่ะ
หลายคนคงอยากรู้ว่า ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่  ของคุณน้าเนื่องจากเป็น งานแก้ไขจากที่อื่น  บวกกับมีซิลิโคนเหลวด้วยราคา ราคา  3 แสนกว่า  แต่ในกรรีที่ไม่เคยทำอะไรมาก่อนราคาก็ แค่ 2 แสนกว่า ( ลองโทรสอบถามดูก่อนค่ะ เพราะปัญหาของแต่ละคนนั้นแตกตางกันค่ะ ) ส่วนตัวมองว่าคุ้มมาก เพราะราคานี้รวมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด ค่าดมยา ค่านอน รพ. 1 คืน  มาติดตามอาการ  ตัดไหม ไม่มีเสียค่าใช่จ่าย มีโทรติดตามอาการเป็นระยะ แต่ที่สำคัญ  หากมีปัญหาข้อสงสัยหรือกังวล โทรถาม ไลน์ถามได้ตลอด จนท.ดูแลดีมาก

 

ที่มา https://pantip.com/topic/39729955